นับถอยหลัง!!เมื่อเวลาของ "CR7" กับ "ราชัน" กำลังจะหมดลง

เมื่อเวลาของ "CR7" กับ "ราชัน" กำลังจะหมดลง

แม้นว่าปี 2017 จะเป็นปีของชายที่ชื่อ โรนัลโด้ ทั้งผลงานกับเรอัล มาดริด ที่สามารถคว้าแชมป์ ลา ลีกา และป้องกันแชมป์ยูซีแอล แต่มาปีนี้ฟอร์มเขาตกไปแบบน่าใจหาย หรือนี่จะถึงเวลาที่ต้องบอกลา... !!

ไม่เหมือนเดิม

ผลงานที่ผ่านมา เริ่มเปลี่ยนไป

ย้อนไปในปี 2009 เด็กหนุ่มชาวโปรตุกีส ตัดสินใจย้ายข้ามฝากจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากลีกอังกฤษ มาสู่ทีมราชันชุดขาว ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก เขาลงช่วยทีมทุกซีซั่นติดต่อกันมาจนถึงปี 2017 มีสถิติการยิงประตูที่เหลือเชื่อ 406 ประตู เฉลี่ยแล้ว 50.75 ลูก/ปี แน่นอนว่าเขาคือขวัญใจของทีมตลอดระยะเวลาที่สวมเสื้อสีขาวตัวนี้ แม้อายุของเขาจะเลยผ่านเลข 3 มาพอสมควร แต่ด้วยการดูแลร่างกาย บวกกับขยันซ้อมไม่มีเปลี่ยน ทำให้เขาแตกต่างกับซุปตาร์หลายคนที่พอเข้าสู่ช่วงท้ายของการค้าแข่ง จะเริ่มดูแลตัวเองน้อยลง แต่ผิดถนัดกับ โรนัลโด้ เขายังมีไฟในการเล่นฟุตบอล ร่างกายยังฟิตเปรี๊ยะ แต่ที่น่าจะเปลี่ยนไปก็คือฟอร์มการเล่นที่มันดร็อปลงแบบน่าใจหาย

ปี 2018 ไม่ใช่ปีของเขา ?

เริ่มต้นซีซั่นด้วยการโดนแบนจากการไปพลักอกกรรมการ และหลังจากกลับมา เขาก็เปลี่ยนไป โรนัลโด้ คนเดิมที่เคยยิงได้เป็นกอบเป็นกำหายไป จริงอยู่ที่ประตูรวมในซีซั่นนี้จะอยู่ที่ 16 ประตู แต่หากนับเฉพาะผลงานในลา ลีกา เขาทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน หรือจะบอกว่าแย่ที่สุดตั้งแต่เขาเข้ามาในปี 2009 ก็ไม่ผิดนัก

แพ้ เรอัล เบติส 0-1 ❌
ชนะ อลาเบส 2-1 ❌
ชนะ เอสปันญ่อล 2-0 ❌
ชนะ เคตาเฟ่ 2-1 ⚽️
ชนะ เออิบาร์ 3-0 ❌
แพ้ คิโรน่า 1-2 ❌
ชนะ ลาส ปัลมาส 3-0 ❌
เสมอ แอตเลติโก มาดริด 0-0 ❌
ชนะ มาลาก้า 3-2 ⚽️
เสมอ แอธเลติก บิลเบา 0-0 ❌
ชนะ เซบีย่า 5-0 ⚽️⚽️
แพ้ บาร์เซโลน่า 0-3 ❌
เสมอ เซลต้า บีโก้ 2-2 ❌
แพ้ บียาร์เรอัล 0-1 ❌

4 ประตู คือผลงานจากเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ สมัยที่ 5 และหากถามว่ามันแย่แค่ไหนเราจะให้ดูตัวเลขนี้ 14 เกมที่เขาลงเล่น ยิงไป 4 ประตู (11 นัดไร้สกอร์) มีโอกาสการยิงรวมกันถึง 94 ครั้ง(4 ประตู) ถ้าเขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาให้แฟนๆได้มีความสุขอีกครั้งเขาต้องยิงอีก 17 ประตู เพื่อที่จะเทียบเท่าปี 2009/2010 ซึ่งเป็นปีแรกกับทีม และเป็นปีที่เขายิงได้น้อยที่สุด หากทำไม่ได้แล้วล่ะก็...

กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

สโมสรจะทำยังไง

นักเตะที่อยู่กับทีมมาร่วมๆ 10 ปี และมีอิทธิพลอย่าง โรนัลโด้ ได้การันตี เป็นผู้เล่น 11 ตัวจริง หากร่างกายเขาพร้อมสมบูรณ์ และสโมสรจะทำอย่างไรกับซุปตาร์รายนี้ "ซีดาน จะต้องคิดแน่นอนว่า มันถึงเวลาแล้วที่ โรนัลโด้ ควรจะอยู่ข้างสนามบ้าง หากสิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์กับทีม แต่สิ่งที่ยากมากที่สุดคือการเดินเข้าไปบอกเขา เพราะนักเตะที่เคยการันตีเป็นตัวจริงมาตลอดการค้าแข้ง คงจะขาดความมั่นใจไปไม่น้อย" แบรนด์ ชูสเตอร์ กล่าวกับสื่อในกรณี โรนัลโด้ แน่นอนแหละว่าเขาเป็นสุดยอดนักเตะ และหากจะมีการเปลี่ยนแปลงภายในทีม นักเตะแบบ โรนัลโด้ จะยอมเป็นตัวสำรองหรอ? แค่โดนเปลี่ยนตัวออกบางครั้งเขาก็ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรแล้ว และถึงแม้เขาจะอายุ 33 ปี แต่ความทะเยอทะยานในการเล่นฟุตบอลยังมีมากอยู่ เพราะฉนั้นเรื่องนี้มันยากจริงๆทั้งตัวนักเตะเอง และสโมสร  ดูบอลสดมือถือฟรี

มาดริด มีขีดจำกัด

ขึ้นชื่อว่า เรอัล มาดริด ก็ต้องประสบความสำเร็จสถานเดียวเท่านั้น การที่ โรนัลโด้ ยังหาฟอร์มเก่งของตัวเองไม่เจอในหลายนัดที่ผ่านมา และส่งผลให้ทีมต้องไปลุ้นพื้นที่ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก แทนการลุ้นแชมป์กับ บาร์เซโลน่า ส่วนนึงเต็มๆมาจากเกมรุกทำประตูกันไม่ได้แบบที่มันควรจะเป็น เราจะเห็นช็อตจ่อๆของ โรนัลโด้ ที่หากเป็นปีก่อน หรือหลายปีที่ผ่านมา จะต้องตุงตาข่าย แต่ปีนี้ถ้าจะบอกว่าดวงตกคงโลกสวยไปหน่อย เพราะพี่แกเล่นพลาดยิงไม่เข้าหลายต่อหลายหน เมื่อมองไปยังตัวป้อนเกมรุก ก็ระดับโลกทั้งนั้น ที่เรายังเห็นอยู่คล้ายๆเดิมคือ แข้งชาวฝอยทองยังคงรักษาระเบียบร่างกายของตัวเองได้ดีอย่างเช่นทุกซีซั่น ร่างกายของเขาพร้อมฟิตสมบูรณ์ดี หรือที่อาจขาดหายไปคือ ความมั่นใจ สุดท้ายแล้ว มันจะกลับมาตอนไหน แล้วถ้ามันไม่กลับมาแล้วล่ะ... !?

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ

ปัญหาที่แก้ไม่หาย!!เพราะเหตุใด นายทวารหงส์แดงคือ "จุดอ่อน"

เพราะเหตุใด นายทวารหงส์แดงคือ "จุดอ่อน"

ปัญหาที่คาราคาซังมานานสำหรับผู้รักษาประตูของ "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ที่แม้จะดึงตัว ลอริส คาริอุส มาจากบุนเดสลีกา ก็ยังแก้ตรงนี้ไม่หาย มันเกิดอะไรขึ้นกับนายทวารของทีม วันนี้เราจะไปหาคำตอบกัน!!

แนวรับละหลวม

คล็อปป์ มองเห็นปัญหาตรงนี้แล้ว

อาจจะโทษผู้รักษาประตูได้ไม่เต็มปาก เมื่อบางครั้งบางคราวก็น่าจะตำหนิแนวรับในตำแหน่งกองหลังของทีมบ้าง ทั้ง คราวาน, ลอฟเรน, มาติป รวมไปถึงแบ็คทั้ง 2 ข้าง ที่ในซีซั่นนี้โชว์ลูกเหวอให้เห็นมาแล้วแทบทุกคน ความแน่นอนในจังหวะสุดท้าย การตัดเกม คือปัจจัยซึ่งนำมาถึงการเสียประตู ทั้งนี้ทั้งนั้นแฟนบอลทั่วโลกต่างเห็นเหมือนกับที่กุนซือของทีมเห็น นั้นก็คือการต้องทุ่มเงินซื้อแนวรับระดับโลก ที่ไว้ใจได้ แน่นอนว่าทีมทำมันแล้วในตลาดที่ผ่านมา การได้ตัว ฟาน ไดจ์ มาจากทีมนักบุญด้วยราคา 75 ล้านปอนด์ แฟนบอลหลายคนอาจจะมองว่าแพงไป แต่ถ้าหากเป็นการแลกกับความแน่นของแผงกองหลัง ราคานี้คุ้มค่าแน่นอน เพราะเกมรุกไม่มีใครสงสัยในทีมนี้ แต่เหลือแค่แนวรับเท่านั้น หากจุดติด หงส์แดงบินสูงแน่นอน

สภาวะกดดัน

การเฝ้าเสาให้ ลิเวอร์พุล เป็นงานที่หนักอึ้ง

โปรไฟล์ของทั้ง มินโญ่เล่ห์ และ คาริอุส ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา การอยู่กับทั้ง ซันเดอร์แลนด์ และ ไมนซ์ ทั้งคู่มีผลงานที่ดีจนถึงขั้นติดท็อป 3 ของลีกในช่วงเวลานั้น แต่พอมาสวมชุด ลิเวอร์พูล และยืนเฝ้าเสา แรงกดดันจากตราบนหน้าอกเสื้อจะแบกคุณทันที แน่นอนว่านักเตะอย่าง เด เคอา เคยเจอช่วงเลวร้ายแบบนี้มาแล้ว แต่เขาผ่านมันมาได้ และขึ้นไปเป็นสุดยอดผู้รักษาประตูกับ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ แต่สำหรับนายทวารของ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะทำแบบเดียวกันนั้นไม่ได้ ลูกง่ายๆที่ระดับมืออาชีพเขาไม่พลาดกัน แต่ทั้ง 2 คนก็พลาดง่ายๆเราเห็นมาค่อนข้างบ่อย และการให้โอกาสจากผู้จัดการทีมใช่ว่าจะไม่มี เพราะทั้งคู่สลับกันลงเล่นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็นั้นแหละยังพลาดเหมือนเดิม

กุนซือต้องเหี้ยมเกรียม

ใครควรอยู่จุดไหน ยังไม่ชัดเจน

หลายคนยังสับสนว่า ใครกันแน่ที่สมควรจะเป็นมือ 1 ณ ตอนนี้ หากถามไปยังตัวกุนซือ ก็ยังตอบแบบเต็มปากไม่ได้เหมือนกันว่าเขาจะยกให้ใคร เพราะก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่า มินโญ่เล่ห์ จะนอนมาในตำแหน่งนี้ แต่การผิดพลาด ส่งผลเสียต่อทีมก็ยังมีมาเรื่อยๆ จนบอสเองต้องโรเตชั่น แน่นอนว่ามันไม่เป็นผลดีสักเท่าไหร หากผู้รักษาประตูต้องเปลี่ยนแบบนัดต่อนัด มันจะส่งผลถึงความมั่นใจ และที่สำคัญคือการเข้าใจเกมก็จะเพี้ยนไป อีกทั้งสภาพจิตใจของคนที่นั่งเป็นสำรองก็ไม่เต็มร้อยแน่ๆ เมื่อลงสนามมาแล้วศักยภาพของตัวผู้เล่นที่ควรจะเป็นกลับไม่ดีตามที่ทีมต้องการ ถึงกระนั้นตัวของกุนซือเองต้องเด็ดขาดให้มากกว่านี้ ทั้งการตัดสินใจในการเลือกตัวผู้เล่นมือ 1 ว่าจะให้ใครเป็น หากยังถอดเข้าๆออกๆ ก็ไม่เห็นว่าจะเกิดผลดีอะไรขึ้นมา ดูบอลสด

ถึงเวลาต้องทุ่มซื้อ

เอามาแล้วใช้งานได้เลย

เดี่ยวนี้จะซื้อมาปั้นแล้วใช้งานคงไม่ทันกิน เพราะถ้าปั้นได้ดีแบบ เด เคอา ก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าเอามาแล้วต้อนเสียเวลาลองผิดลองถูก ส่งลงก็โชว์เหวอ หากเป็นเช่นนั้น อย่าเสียดีกว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ยิงได้เยอะ และก็เช่นเดียวกัน การเสียประตูก็เยอะมากเช่นกัน การที่มีนายด่านปราการสุดท้าย ที่เป็นนักเตะระดับบิ๊กทีมย่อมส่งผลถึงฟอร์มการเล่นของทีม เพราะทั้ง แบรด ฟรีเดล, เดวิด เจมส์, ซานเดอร์ เวสเตอร์เฟล,เจอร์ซี่ ดูเด็ค,โฆเซ่ เรน่า จนถึงปัจจุบันที่ใช้ ซิมง มินโญเล่ต์ และ ลอริส คาริอุส ล้วนแล้วเป็นผู้รักษาประตูที่ไปไม่สุดทางสักคนเดียว และนี่อาจจะเป็นคำตอบให้กับทีมได้ว่าหาก ฟาน ไดจ์ 75 ล้านปอนด์ ยังสามารถจ่ายไปได้ การซื้อผู้รักษาประตูดีๆสักคน ก็ควรจะต้องจ่ายหนักกันหน่อย

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ

แดงหรือฟ้า!?เจาะประเด็น"ผี-เรือ"ทีมใดจะได้ลายเซ็น "ซานเชส"

"ผี-เรือ"ทีมใดจะได้ลายเซ็น "ซานเชส"

หลังจากมีแค่ ซิตี้ ที่เป็นตัวเต็งจะได้ตัว เอล็กซิส ซานเชส แต่ล่าสุดมีคู่แข่งอย่าง ยูไนเต็ด อริร่วมเมืองเข้ามาแจมด้วย วันนี้เราจะพาไปดูว่า ทีมใดน่าจะเป็นฝ่ายได้ลายเซ็นตัวรุกคนนี้ไป!!

ฝั่งสีแดง

ค่าเหนื่อยจะเป็นสถิติ

จริงอยู่ที่สถานการณ์ในตอนนี้ของ ยูไนเต็ด จะดูเป็นรองฝั่งสีฟ้าของลูกทีม เป็ป กวาดิโอล่า อยู่หลายช่วงตัวในเกมลีก แต่ถึงอย่างไรหากจะสู้กันด้วยจำนวนเม็ดเงินค่าเหนื่อยแล้วล่ะก็ อาจจะเป็นสิ่งดึงดูดใจให้แข้งชาวชิลี ต้องกลับไปคิดทบทวนอีกครั้ง ในปัจจุบันแข้งที่ได้รับค่าเหนื่อยมากที่สุดของลีกก็อยู่ที่ผีแดง นั้นก็คือ พอล ป็แกบา รับอยู่ที่ 290,000 ปอนด์/สัปดาห์ ส่วนทาง ซิตี้สูงที่สุดของพวกเขาคือ อเกวโร่ และ ตูเร่ 220,000 ปอนด์/สัปดาห์ และจากแหล่งข่าว เรือใบสีฟ้า ตั้งค่าเสียหายให้อเล็กซิส ไว้เพียงแค่ 250,000 ปอนด์/สัปดาห์เท่านั้น กระนั้นแล้วหากจะเปิดศึกใหญ่ในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าค่าตัวไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปคิดให้มากความ แต่หากจะสู้เรื่องค่าเหนื่อย และออปชั่นต่างๆ ปีศาจแดง ก็มีโอกาสไม่น้อยในการจะงัดทีเด็ดออกมา

คู่แข่งในทีมมีน้อย

แม้จะเป็นนักเตะตัวหลักของทีม ไอ้ปืนใหญ่ และการันตีตำแหน่งตัวจริงในสนามได้ทุกแมตซ์ แต่อนาคตของเขากับ 2 ทีมเมืองแมนเชสเตอร์จะแตกต่างออกไปแน่นอน เพราะหากเลือกไปยังซิตี้ ที่มีตัวรุกจับจองไว้แล้วทั้ง ซาเน่, ซิลบา, เดอร์บรอย รวมถึงกองหน้าของทีม ล้วนมีศักยภาพและเข้ากับระบบของเป็ปที่วางไว้หมดแล้ว แต่หากอยากเลือกสวัสดิภาพทางด้านการลงสนาม ผีแดง นับว่าไม่ต้องเสี่ยงมากในเรื่องนี้ เพราะตัวรุกที่มีอยู่ตอนนี้ยังหาส่วนลงตัวไม่ได้ อีกทั้งหากได้มาจริงๆ ทีมคงต้องปล่อย มาคิทาร์ยาน ออกไปในเดือนนี้เช่นเดียวกัน เพราะฉนั้นคลาสระดับ ซานเชส จะเป็น 11 ตัวจริงที่เหนี่ยวแน่นในการทำทีมของ มูรินโญ่ แน่นอน เพราะอย่าลืมว่านักเตะระดับ ซานเชส หากจะให้ไปเล่น 1 เกม นั่ง 1 เกม คงไม่สบอารมณ์เป็นแน่

ฝั่งสีฟ้า

เจ้านายเก่า ที่สไตล์เข้ากันลงตัว

ตัวรุกวัย 29 ปี มีสไตล์การเล่นฟุตบอลแบบรวดเร็ว และทำเกมดุดัน เพราะฉนั้นการที่ย้ายมาอยู่กับ ซิตี้ ที่มี เป็ป กวาดิโอล่า อดีตเทรนเนอร์ของบาร์เซโลน่า ผู้ที่เคยร่วมงานกับ ซานเชส มาแล้วเมื่ออยู่ที่ ลาลีกา แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ถึงศักยภาพของตัวนักเตะดี และสามารถรีดเอาประสิทธิภาพออกมาได้อย่างขีดสุด และฟุตบอลรูปแบบนี้ก็ดูน่าจะสนุกกว่า การทำทีมเน้นผลของ มูรินโญ่ ที่แนวรับต้องแน่นไว้ก่อน เกมบุกไม่ต้องเน้นมากเท่าไร หากจะนับเอาความสวยงามในการเล่นฟุตบอล ทางฝั่งนี้ดูดีกว่าอยู่แล้ว แถมยังทำได้ดีทั้งเรื่องของการยิงประตูที่มากที่สุดในลีก และการมีตัวรุกที่สามารถคอยช่วยเหลือได้ดีหลายต่อหลายตัว นอกจากนั้นนั้นเขาจะได้ร่วมเล่นกับแนวรุกร่วมทวีปอย่าง อเกวโร่ และ เฆซุส ที่ไม่ต้องปรับตัวมากก็น่าจะเข้ากันได้อย่างลงตัว ดูบอลสด

รอชูแชมป์ได้เลย

นั่งมา นอนมาจริงๆสำหรับแชมป์พรีเมียร์ลีก ในปีนี้ที่ ซิตี้ ทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง ยูไนเต็ด ไปไกลถึง 15 แต้ม อีกทั้งในรายการอื่นๆก็ยังอยู่ในเส้นทางบลุ้นทุกแชมป์ ด้วยฟอร์มการเล่นแบบไร้พ่ายในลีก ยิงกระจาย ชนะท็อป 6 แบบกระจุย ทำให้พวกเขาถูกยกให้เป็นเต็งตัวต้นๆที่จะสามารถทะลุไปไกลในแชมป์เปี้ยนส์ ลีก นั้นเท่ากับว่า อเล็กซิส ที่สามารถลงเล่นในรายการถ้วยใบใหญ่ได้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งกับทีมทันที เขาแทบไม่ต้องเข้ามาช่วยในเกมลีกมากนัก ทีมก็สามารถเป็นแชมป์ได้อย่างสบายๆ แน่นอนว่าแข้งตัวจี้ดรายนี้ก็ยังคงกระหายแชมป์ใบใหญ่ๆ ที่ไม่เคยได้กับ อาร์เซน่อล นับตั้งแต่ย้ายมาจาก บาร์เซโลน่า และหากเขารอไม่ไหว การเลือกย้ายมาที่เรือใบสีฟ้า เขาจะได้รับสิทธิ์นั้นทันที

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ

ตัวเป้าที่เร้าใจ!!4 เหตุผลที่ "โอบาเมยอง" จะมาจอย ณ แอนฟิลด์

4 เหตุผลที่ "โอบาเมยอง" จะมาจอย ณ แอนฟิลด์

ข่าวล่ามาแรงเหลือเกินสำหรับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้าสัญชาติกาบอง ของทีมเสือเหลือง ที่หงส์พร้อมทุ่มเงินกระชากตัวเข้ามาสู่ทีม วันนี้เราจะพาไปดูว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงน่าจะได้ตัวแข้งรายนี้ !!

เยอร์เก้น คล็อปป์

เคยร่วมงานกันมาแล้ว

หากยังจำกันได้ในตอนที่ โอบาเมยอง ย้ายออกจาก แซงเอเตียน ทีมจากลีกเอิงในปี 2013 คนที่ซื้อตัวเขาก็คือ เยอร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซอดอร์ทมุนด์ ที่ตอนนี้เป็นเทรนเนอร์ของลิเวอร์พูล และที่นั่นเองที่สร้างให้เขาเป็นสุดยอดผู้เล่นของบุนเดสลีกา และขึ้นไปเป็นสุดยอดดาวยิงคนหนึ่งที่ดอร์ทมุน์เคยมีมา ความสำพันธ์ของทั้คู่ยังแน่นแฟ้น แม้ตัวกุนซือเองจะออกมาจากทีมแล้วก็ตาม "เขาสร้างผมขึ้นมา เขาสอนผมลายๆอย่าง ทั้งการเข้าใจในฟุตบอล การเป็นผู้ใหญ่ ผมเรียนรู้มาจากเขาเยอะพอสมควร" จากคำให้การของกองหน้ารายนี้ แสดงได้ชัดเจนว่ายังละลึกถึงเจ้านายเก่าอยู่เสมอ แน่นอนว่า หงส์แดง ยังต้องการกองหน้าตัวเป้าเข้ามาสร้างมิติในแนวรุก เพราะฉนั้นการจะมาร่วมงานกับกุนซือที่เคยรู้ใจอาจจะเป็นสิ่งที่โน้มน้าวให้เขาเลือกมายังพรีเมียร์ลีกก็เป็นได้

ลีกจีนยังเร็วไป

ด้วยอายุ และศักยภาพสามารถเล่นในยุโรปได้สบายๆ

แม้จะมีข่าวว่าทีมยักษ์ใหญ่หลายต่อหลายทีม สนใจจะทุ่มเงินหยวนคว้าตัวแข้งรายนี้ไปเล่นใน ไชนิส ซุปเปอร์ ลีก แต่เมื่อดูจากผลงาน 141 ประตู จาก 212 เกม กับดอร์ทมุนด์ และอายุที่อยู่ในวัยแค่เพียง 28 ปี นับได้ว่ายังสามารถเล่นในยุโรปได้สบายๆอีกหลายปี ก็เป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่า เร็วไปนักหากจะไปหาความท้าทายใหม่ๆในช่วงพีคของอาชีพ และจากการทำประตู 21 สกอร์ จาก 23 เกมในซีซํ่นนี้ เขาก็ถูกยกให้เป็นกองหน้าระดับท็อปของลีกยุโรป เพียงแต่ว่าการอิ่มตัวกับลีกเมืองเบียร์ชักจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องการออกไปหาอะไรใหม่ๆให้กับชีวิตบ้าง 5 ปีกับบุนเดสลีกา น่าจะสิ้นสุดในเร็ววันนี้ และพรีเมียร์ลีกเองก็เป็นยาหอมชั้นดีสำหรับสุดยอดแข้งแบบเขา การสัมผัสมาแล้วถึง 3 ลีกใหญ่ อาจจะยังไม่ท้าทายเท่ากับการได้มาเล่นในลีกที่ดีที่สุดในโลกอย่างลีกอังกฤษแน่นอน

เหมาะกับ หงส์ เป็นที่สุด

ไสตล์การเล่นไม่ต้องปรับมาก

ฟุตบอลที่ คล็อปป์ กำลังสร้างให้ลิเวอร์พูล คล้ายกับที่ทำให้ ดอร์ทมุนด์ เป็นแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย นั้นก็คือเกมรุกเป็นตัวชูโรง เห็นได้จากตัวจี้ดๆของทีมที่พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ แต่การที่ยังไม่มีกองหน้าแบบไว้ใจได้จริงๆ ก็ทำให้ทีมขาดๆเกินๆบ้าง จริงอยู่ที่ โอบาเมยอง อาจจะไม่ใช่นักเตะที่โป้งปิดบัญชี ยังมีบางจังหวะที่ทำได้ไม่เนียนตา แต่ความเร็ว บวกกับเทคนิค ที่แพรวพราว เขาเป็นนักเตะที่สามารถนำมาต่อยอดได้ในลีกอังกฤษแบบสบายๆ ยิ่งอยู่ในการดูแลของคนที่มีคู่มือการใช้งานแบบนี้แล้วด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องการอย่างแน่นอน เมื่อพิจารณาถึงการแย่งในตำแหน่งนี้ ก็แทบจะนอนมาได้เลย สเตอร์ริดจ์ ก็ดูเหมือนจะหมดไฟกับทีมไปแล้ว โซรันเก้ ก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกหลัก ฟีร์มิโน่ ไม่เหมาะกับการเป็นกองหน้าตัวเป้า เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว หากเขาต้องการจะเล่นตามสไตล์ที่เขาถนัด บวกกับไม่ต้องกังวลเรื่องการได้รับเลือกให้เป็นตัวจริง ลิเวอร์พูล ก็เป็นช้อยส์ที่ดีทีเดียว ดูบอลสดมือถือฟรี

เพื่อนร่วมทวีปเพียบ

การใช้ชีวิตง่ายขึ้น

และการมายัง ลิเวอร์พูล ในตอนนี้เขาจะมีเพื่อนร่วมทวีปแอฟริกาหลายคนทั้ง มาเน่, ซาลาห์, มาติป ยังมี เกอิต้า ที่อนาคตยังไม่แน่ว่าจะย้ายมาสู่ทีมในเดือนนี้ หรือซัมเมอร์หน้า ตรงนี้เองที่จะทำให้เขาไม่ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมมากนัก เมื่อมีนักเตะที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีคอยช่วยในการใช้ชีวิตในเมืองผู้ดี การได้มาร่วมเล่นกับ ซาลาห์ นักเตะยอดเยี่ยมแอฟริกา มาเน่ อันดับ 2 จากการประกาศผลล่าสุด ล้วนแล้วแต่เป็นตัวรุกทีเด็ดประจำทีมที่มีสไตล์การเล่นน่าหลงไหลพอที่จะดึงดูดแข้งชาวกาบองคนนี้ไม่น้อยแน่นอน เมื่อดูจากสถานการณ์ต่างๆทั้งตัวกุุนซือ, วิธีการทำงาน, เพื่อนร่วมทีม โอบาเมยอง แทบจะไม่ต้องปรับการใช้ชีวิตมากมายนัก ทำให้ความเสี่ยงในอาชีพการค้าแข้งของเขาในการย้ายมาแล้วจะไม่ได้ลงเล่น หรือไม่มีความสุข แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ

เบอร์4ที่รอคอย!!ทำไม'ฟาน ไดจ์' จะประสบความสำเร็จแบบ "ฮูเปีย"

ทำไม'ฟาน ไดจ์' จะประสบความสำเร็จแบบ "ฮูเปีย"

หลังจากย้ายมาเพียงเกมแรก ฟานไดจ์ เจ้าของค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ก็ทำประตูแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ได้ทันที ทำให้เขาถูกเอาไปเปรียบกับตำนานของทีมอย่าง ฮูเปีย ทั้ง 2 มีอะไรคล้านกันบ้าง เราจะพาไปดู!!

ขึ้นชื่อว่ากองหลังร่างยักษ์

ภูมิหลังเหมือนๆกัน

แม้จะเกิดและเติบโตในประเทศ ฟินแลนด์ แต่อดีตกองหลังฉายา "ภูผาน้ำแข็ง"ก็เคยไปค้าแข่งยังลีกกังหันลมกับ วิลเล่ม ทเว เป็นระยะเวลาถึง 4 ปี โดยเขาลงเล่นให้ทีมมากถึง 100 เกม ยิงไป 3 ประตู เป็นรองแค่ ลิเวอร์พูล ที่เจ้าตัวลงช่วยทีมมากถึง 318 เกม ซัดไป 22 ประตู ถึงอย่างไรเรื่องบังเอิญก็คือ ฟาน ไดจ์ เคยสวมชุดทีมนี้เช่นกันในสมัยยังเป็นดาวรุ่ง เด็กจากเมือง เบดร้า เริ่มต้นเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร วิลเล่ม เทว แต่เพียงแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น ในปี 2009-2010 ก่อนจะไปแจ้งเกิดกับ โกรนิงเก้น และทำให้เป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะอยู่ห่างกันถึง 10 กว่าปี แต่ทั้ง 2 ก็เคยร่วมเล่นในสนามฟุตบอลเดียวกันมาถึง 2 สโมสร ก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเหมือนกัน

จุดเด่นคือรูปร่าง

แน่นอนว่า ฮูเปีย คือกองหลังที่ดีที่สุดคนนหนึ่งในยุคพรีเมียร์ลีก ของสโมสรลิเวอร์พูล ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ทีมมักจะอุ่นใจเสมอยามที่เขาลงเป็นปราการหลังด่านสุดท้าย โดยเขามีส่วนสูงถึง 193 เซนติดเมตร ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่ส่วนสูงของกองหลังคนใหม่วัย 26 ปี เท่ากันพอดิบพอดี แต่เมื่อดูจากสายตาก็จะเห็นได้ว่า ฮูเปีย จะมีรูปร่างที่เพรียวกว่า แต่ลูกหนักแกก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร ต่างกับ ฟาน ไดจ์ ที่หนาอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉนั้นเกมที่ต้องใช้พละกำลังบดบี้ ความสูงบวกกับร่างกายที่ใหญ่โตมักจะได้เปรียบแนวรุกตัวใหญ่ๆของทีมเยือน ถึงอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นกองหลังประเภทใช้รูปร่างของตัวเองได้เป็นประโยชน์ ยิ่งลูกกลางอากาศที่มีจุดเด่นในด้านนี้เหมือนกันทั้งคู่

เบอร์ 4 ที่ดูเหมาะสม

ติดธงมาแล้วทั้งคู่

ไม่ต้องแปลกใจในยุคที่ ฟินแลนด์ มีฮูเปียเป็นแนวรับเขาจะติดทัพถึง 105 เกม เพราะชื่อชั้นเหนือกว่าเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน โดยการลงเล่นทีมชาติเกมแรกเกิดขึ้นตอนอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น ส่วน ฟานไดจ์ ต้องรอถึงอายุ 24 ปี กว่าจะได้ติดทีมชาติ ฮอลแลนด์ ในสมันที่โชว์ฟอร์มเด่นกับ เซาธ์แฮมตัน แต่ถึงอย่างไรอนาคตของเขากับทีมชาติค่อนข้างสวยหรู เมื่อเล่นมาแล้วถึง 19 เกม ยึดเป็นกองหลังหมายเลข 1 ของทีมในขณะนี้ แต่ที่น่าเสียดายคือฟุตบอลโลกปีนี้ จะไม่ได้เห็นเขาที่รัสเซีย เนื่องจากทีมกังหันลม ด่วนตกรอบคัดเลือกโซนยุโรปไปเสียก่อน แต่ด้วยอายุเพียงแค่ 26 ปี อนาคตกับทีมชาติก็ยังอีกยาวไกล หากว่าเขายังคงรักษาผลงานแบบนี้ได้ต่อไป ฟุตบอลโลก 2022 คีย์แมนคนสำคัญของทีมอาจจะเป็นกองหลังคนนี้ก็ได้ ดูบอลสด

อยู่ในช่วงพีคของอาชีพ

การย้ายเข้ามาของ ฟานไดจ์ ในวัย 26 ปี นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากเขาก้าวผ่านประสบการณ์ต่างๆมาพอสมควร และการเล่นในพรีเมียร์ลีกมาแล้วถึง 80 เกม ทำให้เรื่องการปรับตัวทำได้ง่ายขึ้น ฮีเปีย ก็ย้ายมาสู่ทีม ลิเวอร์พูล ในช่วงอายุเดียวกันกับ ฟาน ไดจ์ และก็แจ้งเกิดกับทีมได้แบบน่าตื่นตาตื่นใจ การเลือกเบอร์ 4 อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่เป็นเหมือนความหวังใหม่ของปัญหาที่แฟนหงส์ต้องอดทนมานานสำหรับแนวรับที่แข็งแกร่ง ฮูเปีย มีภาวะเป็นผู้นำจนได้ปลอกแขนกัปตันทีม ส่วน ฟานไดจ์ ไม่มีใครสงสัยตั้งแต่เกมแรกที่ลงเขาก็กล้าที่จะสั่งเกมจากแนวหลัง และอีกไม่นานเราอาจจะเห็นแข้งเบอร์ 4 รายนี้ได้สวมปลอกแขนอันทรงคุณค่าตามตำนานของทีมที่ครั้งนึงเคยได้รับมัน ส่วนเรื่องประสบความสำเร็จในอนาคตไม่มีใครบอกได้ เพียงแค่เวลาเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบ

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ

ตังพร้อมครับบอส!!4 สุดยอดโคตรแข้ง ที่ควรจะมาแทน "คูตินโญ่"

4 สุดยอดโคตรแข้ง ที่ควรจะมาแทน "คูตินโญ่"

สิ้นสุดกันทีสำหรับ มหากาพย์ดีล คูตินโญ่ กับ บาร์เซโลน่า จบลงด้วยค่าตัว 160 ล้านยูโร เป็นแข้งที่แพงที่สุดในโลกอันดับ 3 วันนี้เราจะพาไปดูว่า หงส์แดง ควรเอาเงินตรงนี้ไปดึงแข้งคนไหนมาแทนดีน่ะ !!

ลอเรนโซ อิซินเญ่

นาโปลี

ปีกตัวจี้ดจากค่าย โมนาโก ตกเป็นข่าวว่าได่รับความสนใจจาก ลิเวอร์พูล อยู่เป็นระยะๆ แน่นอนว่าตำแหน่งที่เขาเล่นอาจจะไม่ใช่แบบที่ คูตี้ เล่นเป็นประจำ แต่ประโยชน์ของเขาคือ สามารถลงมาล้วงบอล และเล่นได้ทั้ง กองหน้า หน้าต่ำ รวมถึงปีกได้อีกด้วย ที่สำคัญเทคนิกการยิงประตูเฉียบขาดไม่แพ้กองกลางบราซิลเลี่ยนแน่นอน จุดเด่นอีกอย่างของแข้งรายนี้คือความเร็ว เขาไม่น่าจะมีปํญหาในการปรับตัวกับสไตล์ของ คล็อปป์ เนื่องจาก นาโปลี ก็เป็นทีมที่เล่นด้วยสปีดบอลที่คล้ายๆกัน ทว่าการจะดึงตัวเขาต้องสู้ค่าตัวไม่น้อย เนื่องจากนี่คือเพชรเม็ดงามที่สุดของวงการฟุตบอล อิตาลีในตอนนี้ แถมมีทีมที่จ้องตาเป็นมันอย่าง เชลซี, ยูเวนตุส, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค คอยแจกขนมจีบอยู่ตลอด และหาก ลิเวอร์พูล ไม่เกี่ยงเรื่องค่าตัวแบบกรณีของ ฟาน ไดจ์ น่าสนใจลองยื่นซื้อไปดูน่ะ

จูเลี่ยน แดร็กซ์เลอร์

เปแอสเช

ปีกวัย 24 ปี ฝีเท้าไม่ต้องพูดถึงเป็นที่จับตามองของหลายสโมสร ด้วยวัยที่ไม่มาก แถมมีดีกรีในการเล่นกับสโมสรใหญ่ๆ บวกกับติดทีมชาติอินทรีเหล็กตลอดเรื่อยมา แต่การที่เขาต้องเจอกับสถานการณ์ภายในทีมเมืองหลวงของฝรั่งเศส ที่มีทั้ง เนย์มาร์ และ เอ็มปัปเป้ ทำให้การจะแย่งตัวจริงจาก 2 แข้งซุปตาร์คงเป็นไปได้ยาก เพราะฉนั้นหากจะรักษาเก้าอี้ในทีมชาติให้แข็งแรง เขาจำเป็นต้องมีแมตซ์ลงเล่นเพื่อเรียกความมั่นใจ และโชว์ผลงานออกมา โดยตั้งแต่ช่วงตลาดรอบที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ก็มีข่าวจะดึงเขามาแทน คูตินโญ่ แต่สุดท้ายก็สามารถรั้งตัวพ่อมดน้อยไว้กับทีมได้ ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ทีมจำเป็นต้องเร่งหาใครเข้ามาแทน โดยหากจะติดต่อไปที่ เปแอสเช คล็อปป์ น่าจะมีภาษีดีทีเดียว เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกันกับนักเตะอีกด้วย

โธมัส เลอมาร์

โมนาโก

เด็กหงส์คงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี สำหรับแข้งวัย 22 ปีรายนี้ ที่ซีซั่นก่อนโชว์ผลงานโดดเด่นเตตะตาแบบสุดๆ เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ โมนาโก คว้าแชมป์ลีก ตัดหน้ายัษ์ใหญ่อย่าง เปแอสเช และยังทำให้แฟนหงส์ได้ฟิน เมื่อเจ้าตัวให้ความสนใจในการจะย้ายมายังถิ่นแอนฟิลด์ในตลาดซัมเมอร์ช่วงที่ผ่านมา หลังปัดข้อเสนอของ อาร์เซน่อล แต่ติดอยู่ที่ว่า สโมสรโมนาโก ไม่ต้องการขายนักเตะพ้นทีม เนื่องจากได้ปล่อยตัวหลักไปหลายคน ด้วยผลงานที่ดีทั้งยิงและจ่าย โดยในฤดูกาลก่อนผลงาน 14 ประตู กับ 14 แอสซิส บ่งบอกได้ดีว่าเขาจะมาแทน คูตินโญ่ ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ค่าตัวของนักเตะรายนี้อาจจะต้องทำลายสถิติของเกาะอังกฤษ ลิเวอร์พูล ก็พร้อมจะเจรจา เนื่องจากได้เงินจากการขาย คูตินโญ่ มาแบบสดๆร้อนๆ ดูบอลสดมือถือฟรี

ริยาด มาห์เรซ

เลสเตอร์ ซิตี้

จ่อรายวันสำหรับผู้เล่นในชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกประวัติศาสตร์ 2015/2016 พ่วงด้วยนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีก และ ทวีปแอฟริกา มาห์เรซ เป็นที่สนใจของหลายสโมสร และดูเหมือนเจ้าตัวจะมีสัญญาใจกับทางเจ้าของสโมสรว่าหากมีข้อเสนอเข้ามาแบบชัดเจน ก็สามารถย้ายทีมได้ทันที แน่นอนว่าก่อนจะเสีย คูตินโญ่ หลายสื่อก็ให้น้ำหนักไปที่แข้งรายนี้ทันที เนื่องจากสไตล์การเล่นที่แพรวพราว บวกกับไม่ต้องซื้อมาปรับตัวกับลีกอังกฤษให้เสียเวลา อาจจะทำให้นายใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ลองทุ่มกับดีลนี้ดูสักตั้ง ด้วยราคาที่ไม่น่าจะเกิน 50 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงสโมสรเท่าไรนัก และหากติดตามข่าวภายในสัปดาห์นี้ แฟนหงส์อาจจะได้ยินข่าวดีกับการได้ตัวแทนของ คูตินโญ่ ว่าจะเป็นใคร เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีสุดยอดแข้งตบเท้าเข้ามาภายในทีมแน่นอน

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ

ค็อปทอล์ค!!4 ประเด็นที่เด็กหงส์ควรรู้หลังเคี้ยว ท็อฟฟี่ 2-1

4 ประเด็นที่เด็กหงส์ควรรู้หลังเคี้ยว ท็อฟฟี่ 2-1

เอฟเอ คัพ รอบ 3 เป็นการเปิดหัวด้วย "เมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้ แมตซ์"นับเป็นครั้งที่ 2 ของซีซั่นนี้ ซึ่งยกแรกก็เจ๊ากันมา 1-1 มีประเด็นอะไรที่เกมนี้เด็กหงส์ควรรู้บ้าง เราจะพาไปดูกัน!!

ไม่ฟูลทีม

โรเตชั่น ตามสไตล์

ก่อนเกมเด็กหงส์ก็ทราบแล้วว่าทีมจะไม่มี คูตินโญ่ และ ซาลาห์ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยทั้ง 2 คน อีกทั้ง ผู้รักษาประตูก็สลับมาใช้ คาริอุส(บุตรบราโว่) เล่นเอาแฟนๆเสียวสันหลังกันเล็กน้อย ถึงอย่างไรเกมนี้ก็มีสิ่งที่น่าจับตามองนั้นก็คือ ฟาน ไดจ์ กองหลังเจ้าของค่าตัวสถิติโลก ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริง ยืนคู่กับ มาติป พัก 2 ฮีโร่ ลอฟเรน และ คลาวาน ด้านเกมรุกดูไม่น่าเกลียดเท่าไร เมื่อ มาเน่ ที่บินกลับมาจากการประกาศรางวัล ได้ลงยืนเป็นปีก ส่วนกองหน้าก็เป็น เบอร์ 9 ฟีร์มิโน่ ด้าน อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ก็ได้ลงสนามเป็นตัวจริงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่เป็นตัวเลือกเดียวในแนวรับฝั่งซ้าย เนื่องจาก โมเรโน่ ยังต้องรอถึงปลายเดือนกว่าจะกลับมาแย่งตำแหน่ง

เอฟฯมาดี แต่ บ็อบ แจกโชคให้หงส์

จุดโทษปัญหา นำมาซึ่งจุดเปลี่ยน

ย้อนกลับไปยกแกรที่เจอกันมา มีข้อถกเถียงว่าจังหวะที่ เดยัน ลอฟเรน พลักใส่ โดมินิก คัลเวิร์ท-เลวิน สมควรเป็นจุดโทษ และเป็นเพียง 1 แต้มในบ้านของ ลิเวอร์พูล แล้วหรือ มาในเกมนี้ก็มีเหมือนกัน แต่เป็นของฝั่งเจ้าบ้าน ทว่าก่อนหน้านี้ 30 กว่านาที เอฟเวอร์ตัน ทำเกมตรงกลางได้ดี บีบสูง เล่นเอา ลิเวอร์พูล ที่ไม่มีตัวทำเกมทั้ง คูตี้ และ โม ไปไม่เป็นเหมือนกัน แถมการวาง ยานนิค โบลาซี่ ที่มีสปี้ดต้นจัดสุดๆ พร้อม กิลฟี่ ซิกูร์ดสสัน มีทีเด็ดรอบด้าน ทำให้ หงส์แดง ก็ไม่กล้าเปิดเกมบุกใส่แบบเต็มสูบ แน่นอนว่าจุดโทษในนาทีที่ 35 เป็นการเปลี่ยนโฉมของเกมนี้ไม่มากก็น้อย เพราะหลังจากนั้นเจ้าบ้านเล่นกันง่ายขึ้น ไม่ค่อยกดดันเหมือนกับตอนที่เสมอกันอยู่ 0-0 แต่การกลับมาเล่นในครึ่งเวลาหลังเหมือนเป็นหนังฉายซ้ำ..

ร็อบ & อ็อก ผู้ปิดทองหลังพระ

ประตูชัย ฟาน ไดจ์ เปิดตัวดั่งฝัน

ไม่มีใครสงสัย โรเบิร์ตสัน ที่มีเกมรับเด่นกว่าเกมรุก แต่ในเกมนี้เขาเริ่มพัฒนาและยกระดับของตัวเองขึ้นมาดีขึ้นทั้ง รับและรุก เล่นได้อย่างเนียนตา แม้ปีกฝั่งนั้นจะมี มาเน่ แต่ส่วนร่วมกับเกมในวันนี้ต้องยกให้เขาไปเลย แถมการตัดบอล สกัดกั้น โบลาซี่ ที่มีความเร็ว ก็ทำได้ไม่ค่อยมีผิดพลาด แม้จะวิ่งเยอะ แต่ช่วงท้ายเกมก็ไม่มียุบให้เห็น 

ผ่านบอล 89%

ผ่านบอลลุ้นประตู 1 ครั้ง

ยิงตรงกรอบ 1 ครั้ง

โอกาสเลี้ยงบอล 1 ครั้ง ผ่าน 1 ครั้ง

เอาชนะลูกกลางอากาศได้ 2 จาก 2 ครั้ง

เข้าแย่งบอลได้ 5 จาก 6 ครั้ง

เคลียบอลจากจังหวะอันตราย 4 ครั้ง

เข้าสกัดบอล 1 ครั้ง

ส่วนอีกคนไม่พูดถึงไม่ได้ เกมที่แล้วก็เป็นคน แอสซิส ประตูชัย มาในเกมนนี้ก็เป็นเขาคนดีคนเดิม เปิดบอลให้ ฟาน ไดจ์ โขกเข้าไป จุดเด่นที่เขาทำได้ดีคือ ความเร็ว บวกกับความแข็งแกร่ง การพาบอลขึ้นไปข้างหน้าทำได้อย่างเนียนตา อีกทั้งยังขยันแย่งบอลตามสไตล์ ความฟิตหายห่วง กลายเป็นลูกรักของบอสคนใหม่ไปเลย

โอกาสยิง 2 ครั้ง

 - ติดบล็อค 1 ครั้ง

 - นอกกรอบ 1 ครั้ง

ผ่านบอล 39 ครั้ง

 - สำเร็จ 33 ครั้ง

 *- ผ่านบอลลุ้นทำประตู 4 ครั้ง

 - เปอร์เซ็นต์สำเร็จ 69%

เลี้ยบอลผ่านคู่ต่อสู้ 4 ครั้ง (100%)

เข้าปะทะแย่งบอล สำเร็จ 3 จาก 7 ครั้ง

สกัดบอล 2 ครั้ง

เคลียบอลจากจังหวะอันตราย 1 ครั้ง ดูบอลสด

วาทะ บอส และ ฮีโร่

ตำหนิ โฮเกท ผลักทำไม?

แม้จะจบลงด้วยชัยชนะแบบสวยหรู แต่ก็มีประเด็นให้พูดถึง "จังหวะที่กองหลังทีมเยือน(โฮเกท) ผลักโรเบิร์ต ผมงงว่าเขาทำไปทำไม มันอันตรายน่ะ นักฟุตบอลไม่ควรทำแบบนี้ ถึงอย่างไรในเกมนี้เราเสียประตูกันง่ายจริงๆ ผมไม่เคยเห็นการโดนยิงอะไรที่แย่แบบนี้ รับกันไม่ได้เรื่อง แน่นอนว่าเมื่อเสียไปแล้ว เราสามารถกลับมาได้ และ ฟานไดจ์ เล่นได้ดีกว่าที่ผมคิด เขาคงมีความสุข ที่เปิดตัวแล้วยิงได้ต่อหน้า เดอะ ค็อป หลายหมื่นคน" ด้านนักเตะใหม่เจ้าของค่าตัว 75 ล้านปอนด์ ก็แฮปปี้แบบสุดๆเช่นกัน "มันสุดยอด คุณบรรยายไม่ถูกหรอก ผมหวังว่าจะได้ลงเล่นในแอนฟิลด์ และสวมเสื้อทีมนี้ แต่การเปิดตัวและยิงประตูได้เลย มันเป็นอะไรที่เหมือนฝัน ผมขอมอบมันให้กับแฟนบอลทุกคน และครอบครัว"

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ

หมดยุคโด้,เมส!!4 โคตรแข้งพรีเมียร์ฯ ที่มีโอกาสซิว"บัลลงดอร์"

4 โคตรแข้งพรีเมียร์ฯ ที่มีโอกาสซิว"บัลลงดอร์"

คลื่นลูกเก่าผ่านไป ถึงเวลาคลื่นลูกใหม่จะพัดเข้ามา เมื่อ เมสซี่ และ โรนัลโด้ น่าจะหยุดการคว้า บัลลงดอร์ไว้เพียงเท่านี้ เราจะพาไปดูสตาร์ของพรีเมียร์ลีก ว่าใครบ้างที่ดีพอขึ้นมาเป็นสุดยอดนักฟุตบอลของโลก!!

แฮร์รี่ เคน

(ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, ทีมชาติอังกฤษ)

กองหน้าที่มาแรงที่สุดในลีกผู้ดีหนีไม่พ้น เคน เจ้าของสถิติยิงประตูให้ทีมชาติ + สโมสร มากที่สุดในปี 2017 (56 ประตู) แถมยังเป็นดาวซัลโวของลีก 2 ปีติด อีกทั้งในตอนนี้ก็ยังนำอยู่เป็นผู้ทำประตูสูงสุด กับทีมชาติอังกฤษเขาก็เป็นตัวความหวังในการล่าตาข่ายในฟุตบอลโลก ทว่าการที่เขาอยู่กับ สเปอร์ส ทีมที่ไปไม่สุดสักทางทั้งการจะคว้าแชมป์ลีก รวมถึงรายการใหญ่ๆอย่าง แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ที่แม้ในปีนี้จะมาดี มาแรงก็จริง แต่การต้องผ่านไปเจอกับกระดูกชิ้นโตในรอบลึกๆ มักจะตกม้าตายอยู่เสมอๆ ถึงแม้ เคน จะมีข่าวกับทีมใหญ่ๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่เหมือนในซีซั่นนี้ยังจะไม่มีการย้ายออกจากทีม และหากเขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์ซิวบังลงดอร์ได้ ก็จะเป็นนักเตะแดนผู้ดีในรอบ 17 ปี ต่อจาก ไมเคิ่ล โอเว่น ที่คว้ารางวัลนี้กับสโมสร ลิเวอร์พูล

เอแด็น อาซาร์

(เชลซี, ทีมชาติเบลเยียม)

กองกลางเท้าชั่งทองฉายแววมาแล้วหลายซีซั่น โดยติดโผเป็นนักเตะที่ฟอร์มดีที่สุดของลีกผุ้ดีมาตลอดตั้งแต่ย้ายมาจาก ลีลล์ จากลีกเอิง และการพาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว 2 ครั้ง บวกกับ เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย เป็นเครื่องการันตีได้ว่าเขาคือหัวใจหลักของเดอะบลูส์ แต่แน่นอนว่าในซีซํ่นนี้เส้นทางป้องกันแชมป์คงเป็นไปได้ยาก แต่ก็ยังเหลือรายการใหญ่อย่าง แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ที่มีคิววัดศักยภาพกับ บาร์เซโลน่า หากเขาสามารถพาทีมไปได้ไกลทั้งกับสโมสร และในนามทีมชาติที่พึ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของประเทศ ปาดหน้าทั้ง ลูกากู และ เดอร์บรอย ก็อาจจะมีน้ำหนักมากพอให้คนได้เห็นว่า ควรถึงเวลาของแข้งชาวเบลเจี้ยนแล้ว ผลงานในปีนี้ก็ไม่ได้ด้อยลงแต่อย่างใด เลี้ยงผ่านคู่แข่ง(78ครั้ง) และ สร้างโอกาสให้เพื่อน(36 ครั้ง) มากที่สุดในลีกอีกด้วย

โมฮัมเหม็ด ซาลาห์

(ลิเวอร์พูล, ทีมชาติอียิปต์)

เจ็บหลังบ้างรึป่าวก็ไม่รู้ เพราะต้องแบกทั้งสโมสรและทีมชาติไปพร้อมๆกัน สำหรับ โม ซาลาห์ ปีกความเร็วจรวด ที่ในปีนี้เป็นหัวใจของ ลิเวอร์พูล ยิงไปแล้ว 17 ประตู ในลีก เป็นรองแค่ แฮรี่ เคน ที่ซัดไป 18 ประตู ถึงแม้จะพึ่งย้ายมาอยู่กับทีมเป็นปีแรก และเคยล้มเหลวในการมาเล่นที่อังกฤษกับ เชลซี แต่มารอบนี้เหมือนร่างจะอัพเลเวลเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เจ้าตัวก็ยังเป็นฮีโร่ของชาวอียิปต์ทั้งประเทศ เพราะเป็นคนที่ทำประตูพา เดอะ มัมมี่ กลับไปสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในกลางปีนี้ ที่ประเทศ รัสเซีย ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปีของทีมอีกด้วย แต่สิ่งที่ ซาลาห์ จะต้องมีหากหวังจะได้รางวัล เหมือกับที่พึ่งคว้า นักเตะยอดเยี่ยมของแอฟริกามาหมาดๆ นั้นก็คือความคงเส้นคงวา และสามารถพา ลิเวอร์พูล โชว์ผลงานโดดเด่น ที่จะสามารถคว้าโทรฟี่ได้ในปีนี้ รวมถึงผลงานกับทีมชาติก็สำคัญไม่แพ้กัน ดูบอลสด

เควิน เดอ บรอยน์

(แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ทีมชาติเบลเยียม)

ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าในชั่วโมงนี้ นักเตะที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีกคือ เดอ บรอยน์ ฝีเท้าของเขาที่วาดลวดลายให้ ซิตี้ นับว่าเข้าขั้นระดับโลก กับการไม่แพ้ใครในซีซั่นนี้ ส่วนนึงต้องยกเครดิตให้การปั้นเกมที่เฉียบขาดของเจ้าตัว การเล่นในตำแหน่งจอมทัพ ทำให้เขาเป็นเหมือนศูนย์กลางของทีม เกมรุก และรับนับว่าเด่นพอๆกัน และวิธีการเล่นของเขามักเอื้อประโยชน์ให้ผู้เล่นรอบข้าง เป็นนักเตะที่ปิดทองหลังพระ โดยแอสซิสไปแล้วสูงที่สุดในลีก 9 ครั้ง และสร้างโอกาสต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน และยังมีสถิติที่น่าตกใจ เมื่อเวลาเจอทีมบิ๊ก 6 เขาจะเล่นได้ดี และคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทุกนัด แน่นอนว่าเส้นทางในปีนี้ยังอีกยาวไกล แต่หากเขายังรักษาฟอร์ม และสภาพร่างกายไว้แบบนี้ได้จนจบซีซํ่น ไม่แน่ว่า เราอาจจะเห็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์คนใหม่ ที่มีผมสีทองก็เป็นได้

เว็บที่เกี่ยวข้อง : http://www.linedoball.com/

#คะนึง ตึงเปรี๊ยะ